ดูไบก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปูทางสู่ "ศตวรรษทองแห่งเอเชีย"

อาเหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกรรมการบริหาร DMCC กล่าวไว้ว่า
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การคว่ำบาตรของประเทศตะวันตกได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในตลาดโลหะมีค่า ส่งผลให้ธนาคารกลางซื้อทองคำในปริมาณสูงเป็นประวัติการณ์ และพิจารณาถึงการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง”

เขากล่าวเสริมว่า
“เรากำลังเห็นการก่อตัวของเส้นทางทองคำใหม่ที่เชื่อมโยงเอเชีย โดยมีดูไบเป็นศูนย์กลาง การที่ UAE กลายเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำใหญ่อันดับสองของโลกเมื่อปีที่แล้ว คือตัวอย่างสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้”

การค้าทองคำที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ความมองโลกในแง่ดีนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตของการค้าทองคำใน UAE รายงานจาก DMCC ระบุว่า ในปี 2024 มูลค่าการค้าทองคำผ่านดูไบพุ่งสูงถึง 129 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อน

UAE แซงหน้าลอนดอน

UAE ได้ก้าวขึ้นมาแทนที่ลอนดอนในฐานะศูนย์กลางการค้าทองคำใหญ่อันดับสองของโลก

รายงานเน้นว่า
“ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น การคว่ำบาตรรัสเซีย ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงินโลก ทำให้หลายประเทศพิจารณาการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐและความปลอดภัยของทุนสำรองทองคำของพวกเขาใหม่”

ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกจึงเพิ่มการซื้อทองคำและดึงทองคำที่เก็บไว้ในสหรัฐฯ กลับมา เพื่อกระจายความเสี่ยงจากดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ธนาคารบางแห่งยังเริ่มใช้ทองคำในการทำธุรกรรมการค้าแทนดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้ผลักดันราคาทองคำสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วเศรษฐกิจโลก

เสริมสร้างอนาคตของตลาดทองคำ

ในขณะที่ทองคำมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก รายงานของ DMCC ยังให้คำแนะนำสำคัญในการเสริมสร้างการเติบโตในอนาคตของตลาดทองคำ เช่น

• การเพิ่มความโปร่งใสและการกำกับดูแลในตลาดทองคำ
• การสนับสนุนนวัตกรรมดิจิทัล
• การปรับปรุงการเข้าถึงตลาดสำหรับประเทศเกิดใหม่

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งเชิงกลยุทธ์และนโยบายที่มองการณ์ไกล ดูไบกำลังสร้างรากฐานที่มั่นคงในภูมิทัศน์ตลาดทองคำที่กำลังเปลี่ยนแปลง ยืนยันบทบาทใน “ศตวรรษทองแห่งเอเชีย” อย่างเต็มภาคภูมิ